ThaiBuddyTrip.com - เว็บคู่หูของคนชอบเที่ยว
7 ข้อที่ผู้ขับขี่ควรรู้เกี่ยวกับ ยางรถเก๋ง - Printable Version

+- ThaiBuddyTrip.com - เว็บคู่หูของคนชอบเที่ยว (http://www.thaibuddytrip.com/forum)
+-- Forum: ประสบการณ์อื่นๆ (/forumdisplay.php?fid=1)
+--- Forum: พูดคุยทั่วไป (/forumdisplay.php?fid=20)
+--- Thread: 7 ข้อที่ผู้ขับขี่ควรรู้เกี่ยวกับ ยางรถเก๋ง (/showthread.php?tid=96173)



7 ข้อที่ผู้ขับขี่ควรรู้เกี่ยวกับ ยางรถเก๋ง - radnana - Wed, 23 Nov 22 14:03

หน้าที่ของยางรถยนต์ต่อสมรรถนะและความปลอดภัยในการขับขี่นั้นผู้ใช้รถต่างทราบกันดี และมีหลากหลายวิธีในการดูแลรักษายางเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ทั้งนี้มี 7 ข้อที่ผู้ขับขี่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับยางรถเก๋ง​ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานและคุ้มค่ามากขึ้น

1. อย่ามองข้ามความสำคัญของจุกยาง
จุกยาง หรือจุ๊บลม หรือวาล์วลม เป็นทางผ่านของลมเพื่อเข้าไปในยางพร้อมป้องกันลมยางจากภายในซึมกลับออกมา หากวาล์วเสื่อมสภาพจะเก็บลมไว้ไม่อยู่ทำให้ลมยางอ่อนหรือยางแบน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากฝาปิดจุ๊บลมหายทำให้สิ่งสกปรก เช่น เศษหิน ดิน ทราย ฝุ่น หรือน้ำ เข้าไปกดตรงตำแหน่งไส้ไก่ของจุ๊บลมทำให้ลมในยางซึมออกมาได้ ดังนั้นหากฝาปิดจุ๊บลมหายหรือแตกกรอบควรรีบหามาใส่เพื่อป้องกันลมยางรั่ว

2. เช็กลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถได้จากไหน
จะเติมลมยางเองหรือไม่ก็ตามผู้ขับขี่ควรต้องทราบค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด เนื่องจากรถแต่ละชนิดใช้แรงดันลมยางไม่เท่ากัน หากเติมแรงดันลมยางมากหรือน้อยเกินไปล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อความปลอดภัยในการใช้รถทั้งสิ้น โดยแรงดันลมยางที่ถูกต้องนั้นจะถูกระบุไว้ที่แผ่นโลหะหรือแผ่นสติ๊กเกอร์บริเวณเสากลางข้างตัวรถ ข้างประตูฝั่งคนขับ หรือศึกษาจากคู่มือการใช้รถก็ได้

3. ลมยางไม่ควรต่ำกว่ากำหนด
หากละเลยในการตรวจเช็กลมยางหรือเติมลมยางไม่เหมาะสมจะส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย ซึ่งแรงดันลมยางที่ต่ำกว่ากำหนดจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น โครงสร้างบริเวณแก้มยางฉีกขาด เกิดความร้อนสูงบริเวณไหล่ยางจึงทำให้สึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น เสี่ยงต่อการระเบิด ความสามารถในการบรรทุกลดลง และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

4. อากาศมีผลต่อประสิทธิภาพของยาง
เนื่องจากยางรถยนต์มีส่วนผสมหลักเป็นยางธรรมชาติจึงทนต่ออุณหภูมิสูงได้ต่ำกว่ายางสังเคราะห์ ดังนั้นเมื่อยางได้รับความร้อนหรือจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานานจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อุณหภูมิสูงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวยางตึงจึงมีโอกาสระเบิดได้

5. ยางรถเก๋ง ต่างกับยางรถบรรทุก
ยางรถเหมือนกันแต่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ต่างกัน จึงมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้แทนกันได้ ซึ่งการเลือกใช้ยางที่ถูกต้องควรคำนึงถึงขนาด ชนิดโครงสร้างยาง ขนาดความกว้างของกระทะล้อ ลักษณะดอกยาง และความลึกของร่องดอกยางที่เหมาะกับสภาพการใช้งาน เช่น ยางรถเก๋งที่ใช้ส่วนใหญ่เป็น ยางนุ่มเงียบ ประหยัดน้ำมัน ในขณะที่ยางรถบรรทุกจะแข็งแรง ทนทาน และรับน้ำหนักได้มากกว่าจึงกระด้าง ให้การขับขี่ที่ไม่นุ่มนวลและใช้ความเร็วไม่ได้มาก ซึ่งหากนำยางรถเก๋งไปใช้แทนยางรถบรรทุกอาจจะทำให้ยางระเบิดเนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ภายในยางเกิดความร้อนสูงส่งผลให้การยึดเกาะระหว่างหน้ายางและโครงยางลดลงจึงแยกออกจากกันได้มาก ทั้งยังทำให้ยางสึกหรอเร็ว

6. รู้ขีดจำกัดของยางรถยนต์ที่ใช้
ยางแต่ละเส้นจะมีขีดจำกัดในการใช้งานแตกต่างกัน สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากกลุ่มตัวเลขหรือตัวอักษรบริเวณหน้ายาง เช่น ความเร็วสูงสุดที่ใช้ น้ำหนักสูงสุดที่ล้อรับได้ โดยรหัสต่าง ๆ ที่ปรากฏนั้นสามารถ
ศึกษาเพิ่มเติมได้จากหนังสือคู่มือรถ

7. หมั่นเช็กสภาพยางอะไหล่และอุปกรณ์ให้พร้อมใช้เสมอ
หมั่นตรวจเช็กแรงดันลมยางอะไหล่และสภาพของอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น แม่แรง บล็อกถอดน็อตล้อ ให้พร้อมใช้งานเสมอเพราะเหตุฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

สำหรับยางรถยนต์ที่นิยมใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันมักจะเป็น ยางแบบนุ่มเงียบ ซึ่งบริดจสโตนมี TURANZA นวัตกรรมยางนุ่มเงียบระดับพรีเมียม ให้สมรรถนะเหนือระดับในการขับขี่ ลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนได้ดีจึงนุ่มนวลต่อการใช้งาน ยึดเกาะถนนเป็นเยี่ยม และคุ้มค่าด้วยอายุการใช้งานยาวนาน หากกำลังมองหายางขอบ 17 ที่มีคุณสมบัติเป็นยางรถแบบนุ่มเงียบเพื่อการขับขี่ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งความเงียบ ความนุ่มสบายและปลอดภัย ขอแนะนำ TURANZA T005A จากบริดจสโตน ด้วยการเสริมเนื้อยางพิเศษบริเวณแก้มยางเพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนและลดแรงกระแทกด้วยการกระจายแรงกดลงบนผิวหน้ายางอย่างสม่ำเสมอ เข้าโค้งอย่างมั่นใจและไร้เสียงรบกวนตลอดเส้นทาง หากถามว่า ยาง รถยนต์ ขอบ 17 ยี่ห้อ ไหน ดี ? มั่นใจใน TURANZA T005A จากบริดจสโตนเท่านั้น

[Image: alsr71.md.jpg]