หลายๆ คนอาจจะสงสัยกันว่าที่คนเค้าพูดกันทั่วไปว่า เล่น EDGE เนี่ยมันคืออะไร ซึ่งผมจะทำหน้าที่ไขความกระจ่างให้เองนะครับ ซึ่งก่อนที่จะพูด EDGE นั้น ผมขอพูดถึงบริการตัวเก่าคือ GPRS กันก่อน เพื่อให้เพื่อนๆ บางคนที่อาจจะยังงงๆ อยู่กับ GPRS จะได้กระจ่างกันมากขึ้น
เครือข่าย GPRS นั้นถูกออกแบบมาสำหรับรับส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้วยบริการนี้ทำให้ผู้ให้บริการทั้งหลายสามารถนำเสนอบริการในหลายๆ รูปแบบ เช่น การรับส่ง mms/ดาวน์โหลดเกมส์/ริงโทน หรือที่เรียกกันว่า บริการแบบ Non-voice (ไม่ใช้เสียง)
GPRS ทำงานอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้วในเครือข่ายต่างๆ จะมีการแบ่งช่องสัญญาณไว้อยู่ที่ 8 ช่องสัญญาณ โดยแบ่งเป็นการใช้งาน Voice 6 ช่องและ GPRS 2 ช่อง ซึ่งภายใน 2 ช่องนี้สามารถที่จะรองรับผู้ใช้งาน GPRS พร้อมๆ กันได้หลายคน ซึ่งระบบจะมีการจัดการสายต่างๆ ที่เข้ามาพร้อมๆ กันได้อย่างมีระบบ
ปัญหาของเครือข่าย GPRS
ความเร็วของ GPRS นั้น ในทางทฤษฎี วิ่งได้เร็วสูงสุด ประมาณ 40 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps) นั่นหมายความว่าใน 1 ช่องสัญญาณจะต้องมีเราเล่น GPRS อยู่เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง เพราะฉะนั้นบางเวลาที่คนใช้ GPRS กันเยอะๆ เช่นช่วง เทศกาล จะทำให้ความเร็วในการใช้ GPRS ช้าลงไปเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่ง MMS/การใช้มือถือเชื่อมต่อ Internet หรือการใช้มือถือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คอีเมล์ หรือ internet
กำเนิด EDGE
ด้วยปัญหาข้างต้น จึงทำให้เกิดระบบ EDGE ขึ้นมา ซึ่งย่อมาจาก "Enhance Data rate for Global Evolution" หรือ EGPRS ก็ได้ สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาก็คือ เรื่องความเร็วที่เร็วกว่า GPRS ถึง 5 เท่าทีเดียว เพราะ EDGE มีการปรับปรุงเรื่องการเข้ารหัสในช่องสัญญาณ ทำให้สามารถใช้ช่องสัญญาณที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในทางทฤษฎี EDGE สามารถวิ่งได้ถึง 473.6 Kbps แต่ในความ เป็นจริงเราไม่ได้ใช้คนเดียวในช่องสัญญาณอยู่ แล้ว ทำให้ความเร็วที่ใช้จริงอยู่ประมาณ 236 Kbps (Internet ทั่วไปตาม บ้านจะวิ่งอยู่ประมาณ 56 Kbps)