บล็อกบัสเตอร์ (Blockbuster) ร้านเช่าวีดีโอชื่อดังของสหรัฐอเมริกาประกาศเพิ่มร้านเช่าดีวีดีให้รองรับฟอร์แมตบลูเรย์ (Blu-ray) ของโซนี่เพิ่มขึ้น จากเดิมมีอยู่ 250 สาขาเป็น 1,700 สาขา ระบุเป็นความต้องการของลูกค้าที่ต้องการดีวีดีบลูเรย์มากกว่า
การประกาศความเชื่อมั่นในดีวีดีบลูเรย์ของโซนี่ในครั้งนี้ของบล็อกบัสเตอร์ได้สร้างแรงกดดันให้ค่ายโตชิบา ซึ่งเป็นเจ้าของฟอร์แมต HD DVD คู่แข่งของบลูเรย์ได้ค่อนข้างสูง ซึ่งทางบริษัทโตชิบาเองได้เคยประกาศลดการประมาณการณ์ยอดขายของเครื่องเล่น HD DVD ของปี 2007 ในสหรัฐอเมริกาลงจาก 1.8 ล้านเครื่อง เป็น 1 ล้านเครื่องมาแล้วเมื่อไม่ นานมานี้ โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นเพราะตลาดดีวีดีความละเอียดสูงของสหรัฐอเมริกามีการเติบโตช้ากว่าที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้
จากข้อมูลที่บล็อกบัสเตอร์ออกมาเปิดเผยว่า ผู้บริโภคของตนเองแสดงความสนใจในฟอร์แมตบลูเรย์มากกว่า HD DVD นั้น ทำให้บริษัทตัดสินใจจะเพิ่มร้านเช่าที่ให้บริการดีวีดีฟอร์แมตบลูเรย์เพิ่มขึ้น จากที่ในปัจจุบันมีร้านค้าที่ให้เช่าดีวีดีบลูเรย์ 250 สาขา ก็จะเพิ่มเป็น 1,700 สาขา ทั้งนี้ สำหรับบริการเช่าหนังออนไลน์นั้น ทางบล็อกบัสเตอร์จะยังคงเปิดให้บริการเช่าภาพยนตร์ทั้งฟอร์แมตบลูเรย์และ HD DVD ต่อไป
ปัจจุบันบล็อกบัสเตอร์มีร้านสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งสิ้น 8,000 สาขา
คุณสมบัติของดิสก์ทั้งสองประเภท "บลูเรย์ และ HD DVD" ที่โซนี่และโตชิบาพัฒนาออกมาแข่งกันนี้ มีความพิเศษเฉพาะตัวแตกต่างกันไป โดยบลูเรย์มีพื้นที่สำหรับสร้างบริการพิเศษได้มากกว่าดีวีดีแบบธรรมดาทั่วไป และภาพที่ได้จากบลูเรย์ก็มีความสวยงามมากกว่า ขณะที่ HD DVD นั้นแม้จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยกว่า แต่ก็อ้างจุดเด่นเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าบลูเรย์ขึ้นมาจูงใจผู้ผลิตแทน
สำหรับวงการฮอลลีวูด และผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นต่างตั้งความหวังเอาไว้กับมาตรฐานใหม่ของดีวีดีความละเอียดสูงว่าจะมาพร้อมคุณภาพการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และมีความจุสูงเพียงพอจะบันทึกไฟล์ภาพยนตร์ขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้เพื่อปลุกรายได้ให้กับตลาดดีวีดีสำหรับดูในครัวเรือนที่มีมูลค่า 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐให้ฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ด้วย
หากมองในแง่ของเครื่องเล่นที่รองรับเทคโนโลยีบลูเรย์นั้นจะถือได้ว่าในท้องตลาดทั่วไป เครื่องเล่นบลูเรย์มีมากกว่า HD DVD เนื่องจากเพลย์สเตชั่น 3 ของค่ายโซนี่ได้ติดตั้งไดรว์อ่านบลูเรย์ลงไปในเครื่องเกมคอนโซลแล้วด้วย ซึ่งจากยอดขายที่แม้ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด แต่โซนี่ก็สามารถขาย PS3 ไปได้แล้ว 5.5 ล้านเครื่อง (ยอดขายถึงเดือนมีนาคม 2007)
ด้านนักวิเคราะห์ สเตอนี เอจี จาก Arvind Bhatia ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจของบล็อกบัสเตอร์ที่สนับสนุนฟอร์แมตบลูเรย์นั้นจะเป็นผลดีต่อยอดขายเครื่องเล่นเกม PS3 ของโซนี่ในระยะยาว