ทีมวิจัยเฉพาะด้านแถลงความคืบหน้าของปฏิบัติการ
สลายคราบน้ำมันรั่ว ที่อ่าวพร้าว และการติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อม อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง หลังจากเกิด
เหตุน้ำมันรั่วไหลของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ประมาณ 50,000 ลิตร โดยนักวิชาการยืนยันกับ นักท่องเที่ยวสามารถว่ายน้ำและกินอาหารทะเลได้แล้ว ซึ่งผลการสำรวจยังพบว่า ค่าปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนหรือสารตกค้างของน้ำมันรั่วในน้ำและดินตลอดชายฝั่ง
อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด มีค่าลดลง มีแนวโน้มกลับเข้าสู่สภาวะปกติในไม่ช้า
ขณะที่
ข่าวน้ำมันรั่วไหลออกมาให้ทราบเป็นระยะๆ โดยสภาพ
ปะการังส่วนใหญ่
ฟอกขาวแล้วกลับมาเป็นสีปกติเกือบทั้งหมดอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการ
ฟอกขาวของ
ปะการังในกรณีที่มีสาเหตุมาจากปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งส่วนใหญ่มักใช้เวลาฟื้นตัวนานสักระยะหนึ่ง ทั้งนี้ หน่วยงานที่ต้องการเข้ามาช่วยฟื้นฟูสามารถเลือกไปที่อ่าวอื่นๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั้งในอ่าวพร้าว และรอบๆ เกาะเสม็ด ให้ได้ก่อน โดยเว้นระยะอ่าวพร้าวไว้ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เพื่อให้ทีมวิจัยตรวจสอบคุณภาพน้ำ ตรวจสอบปะการัง เก็บตัวอย่างสัตว์น้ำ ซึ่งช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าทุกอย่างดีขึ้นไปมากแล้ว และทีมวิจัยต้องการความต่อเนื่องด้วยการเทียบเคียงกับกรณีของประเทศฟิลิปปินส์ที่เคยเกิด
เหตุน้ำมันรั่วเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งฟิลิปปินส์มีสภาพชายฝั่งคล้ายกับประเทศไทยมาก
โดยสรุปแล้วก็ขอให้คลายความกังวลใจไปได้เลยว่า
มาตรการป้องกัน น้ำมันรั่ว ที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดแน่นหนาและปกป้องนักท่องเที่ยวทุกคน และในวันนี้ พร้อมจะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกๆ คนให้มาสัมผัสบรรยากาศทะเลสวยๆ ณ ดินแดนบูรพาทิศ อีกครั้ง เพื่อเป็นการต้อนรับหน้าร้อนนี้