ยาปรับฮอร์โมน ชื่อนี้ หลายคนอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า ยาคุมกำเนิด หลายคนก็อาจจะร้อง อ๋อออออ!
ยาคุมกำเนิด หรือ ยาปรับฮอร์โมนในปัจจุบันได้รับการพัฒนาขึ้นมา เรียกว่าพลิกโฉมเลยก็ว่าได้ มาดูกันว่า ยาปรับฮอร์โมนมีข้อแตกต่าง หรือมีคุณสมบัติพิเศษเปลี่ยนไปจากยาคุมกำเนิดในอดีตอย่างไรบ้าง
ยาคุมกำเนิดในอดีต หรือยาปรับฮอร์โมนรุ่นแรก ๆ ทุกคนมักจดจำว่ามักเน้นหนักไปในเรื่องการคุมกำเนิดอย่างเดียว
ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ Ethinyl Estradiol (EE) และฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) ในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ เจ็บคัดเต้านม ปวดท้องน้อย นอนไม่หลับ เป็นสิว ผิวมัน ขนดก ค่อนข้างเยอะ
ส่วนยาปรับฮอร์โมนในยุคปัจจุบันได้ถูกพัฒนาขึ้นให้มีหลายแบบ มีส่วนประกอบของฮอร์โมน 2 ชนิด คือ ฮอร์โมน
เอสโตรเจน ชนิด Ethinyl Estradiol (EE) ที่ทำหน้าคล้ายเอสโตรเจน และ Progestin ชนิดโดสไพรีโนน(Drospirenone) เช่น ยาปรับฮอร์โมนชนิด ee20d,ee30d หรือไซโพรเทอโรน อาซีเตท (Cyproterone acetate) เช่น ee35c ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมนเพศชายและช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ลดสิว ลดขนดก สามารถกินเป็น ยาคุมหน้าใส และเนื่องจากยาปรับฮอร์โมนในยุคปัจจุบันมีส่วนประกอบของฮอร์โมนและตัวยาต่างๆ ในปริมาณต่ำ จึงมีผลทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ น้อยลงด้วย
ยาปรับฮอร์โมนรุ่นใหม่ นอกจากจะใช้เป็นยาเพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพแล้ว สาว ๆ หลายคนก็อาจกินเพื่อจุดประสงค์อื่น เช่น กินเพื่อยับยั้งฮอร์โมนเพศชายและช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้หน้าใส ลดสิว รักษาอาการอันเกิดจากฮอร์โมน ได้แก่ อาการก่อนหรือหลังมีประจำเดือน ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ปวดท้อง หงุดหงิด อารมณ์ฉุนเฉียว นอนไม่หลับกระสับกระส่าย และใช้รักษาอาการประจำเดือนไม่ปกติ มาไม่ตรงเวลา มากะปริดกะปรอย มาบ้างไม่มาบ้าง ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า สาว ๆ จะกินยาปรับฮอร์โมนด้วยจุดประสงค์ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินยาเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และการลดอาการข้างเคียง สิ่งที่ต้องคำนึงมาก ๆ ก็คือวินัยและพฤติกรรมการกินยา หากคุณมี วิธีกินยาคุม ที่ถูกต้องถูกวิธี ตรงเวลาและสม่ำเสมอ จะทำให้การกินยาปรับฮอร์โมนของคุณได้ผลตามต้องการถึง 99 %
กิน
ยาคุมลดฮอร์โมนต่ำอย่างไร ให้ได้ผลตามต้องการ
มีคำแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ยาปรับฮอร์โมน แบบ 21 เม็ด ให้เริ่มกินเม็ดแรกในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน ซึ่ง
บนแผงยามักจะระบุวันทั้ง 7 วัน ไว้แล้ว ก็ให้เราเริ่มกินยาที่ตรงกับวันที่กินและกินอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ดก่อนนอน หรือถ้าเป็นลูกศรก็กินเม็ดแรกแล้วให้กินถัดไปตามลำดับจนหมดแผง ทั้ง 21 เม็ด แล้วจึงเว้นช่วงไม่ต้องกิน 7 วัน เพื่อให้เป็นช่วงปลอดฮอร์โมน ซึ่งประจำเดือนของเราก็จะมาในช่วง 7 วันนี้นี่เอง ครบ 7 วัน ก็ให้เริ่มยาแผงใหม่ทันที
2. ยาปรับฮอร์โมน แบบ 28 เม็ด ให้เริ่มกินเม็ดแรกเช่นเดียวกับแบบ 21 เม็ด แต่เมื่อกินหมดแผงทั้ง 28 เม็ดแล้ว คุณก็สามารถเริ่มแผงใหม่ได้เลย ไม่ต้องเว้น 7 วัน แบบ 21 เม็ด แนะนำว่าถ้าคุณขี้ลืม หรือไม่อยากนับว่าครบ 7 วันหรือยัง ก็ให้กินแบบแผง 28 เม็ดไปเลย ที่สำคัญก็คือกินให้หมด ให้ครบ ตรงเวลาและต่อเนื่องเช่นกัน
ในกรณีลืมกินยา ควรปฏิบัติอย่างไร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้ค่ะ
1.ชนิด 28 เม็ด ซึ่งจะมีเม็ดที่เป็นเม็ดแป้งอยู่ด้วย หากลืมกินเม็ดที่เป็นเม็ดแป้ง ก็ให้แกะทิ้งไปเลย วันถัดไปก็ให้กินเม็ดถัดไปตามปกติ
2.ลืมกินเม็ดที่เป็นฮอร์โมน ให้กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามเวลาที่เคยกิน (คือวันนั้นต้องกิน 2 เม็ดนั่นเอง)
3.หากลืมกินติดต่อกัน 2 เม็ดขึ้นไป ให้กินเม็ดสุดท้าย เม็ดก่อนหน้านั้นให้แกะทิ้งไป (ส่วนเม็ดปัจจุบันก็ให้กินตามปกติ รวมกินวันนั้นเป็น 2 เม็ด) แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยจนกว่าจะกินเม็ดที่เป็นฮอร์โมนครบ 7 วัน
4.ถ้าเม็ดที่ลืมเป็น 7 เม็ดแรกของแผง ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วัน ร่วมด้วยยาคุมฉุกเฉิน
5.ถ้าเม็ดที่ลืมเป็น 7 เม็ดสุดท้ายของแผง
- ชนิด 21 เม็ด เมื่อกินแผงนั้นหมดให้เริ่มแผงใหม่ทันทีโดยไม่ต้องเว้น 7วัน
-ชนิด 28 เม็ด ให้ทิ้งไปเลย เพราะ 7 เม็ดสุดท้ายเป็นเม็ดแป้ง ให้เริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันถัดไปได้เลย
เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณสาว ๆทั้งหลาย ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยใช่ไหมคะ อย่าลืมว่า กินยาให้
ถูกวิธี กินต่อเนื่อง และสม่ำเสมอตรงเวลาอย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด แล้วการกินยาปรับฮอร์โมนของคุณก็จะให้ผลตามที่ต้องการ ไร้อาการข้างเคียงค่ะ
ชมเพิ่มเติม
https://www.girlsallaround.com/ee30d-bir...ight-face/
หน้าแรก
ข้อมูลท่องเที่ยว
เดือนนี้เที่ยวไหนดี
รายชื่อสมาชิก
ช่วยเหลือ
/
กิน ยาปรับฮอร์โมน อย่างไร ให้ได้ผลตามต้องการ
