การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้น จากรถ 4 คัน คน 11 คน ถูกลดลงเหลือรถ 3 คัน คน 11 คนกับของที่ขนมาเต็มคันรถทุกคัน แต่ความมันยังรออยู่จึงไปต่อกันได้และมุ่งหน้าสู่ “บ้านริมน้ำ” เพื่อจะติดต่อจองห้องพัก แต่หลังจากผ่านการหลงทาง ขับรถเลยไปจนต้องจอดถามทางเป็นระยะในที่สุดเราก็ได้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยัง “บ้านริมน้ำ” โดย...ไม่คิดว่าเส้นทางที่ว่านี้จะต้องลงจากถนนลาดยางออกมาผจญกับทางหฤโหดขนาดนี้
ทางที่ออกจากถนนลาดยางมุ่งหน้าไป “บ้านริมน้ำ” นั้น เป็นทางลูกรังที่ค่อนข้างเรียกว่ายากมากสำหรับรถยนต์ที่พวกเราเอาไปกัน ไม่แนะนำสำหรับท่านที่จะเดินทางไปโดยรถยนต์ครับ แต่ที่พวกเราเอาไปเพราะไม่รู้ว่าทางจะขนาดนี้ อีกอย่างเพราะช่วงนี้ฝนตกชุกทุกวัน น้ำไหลในร่องถนนจนต้องขับส่ายซ้ายทีขวาทีเพื่อหาไลน์ที่จะไม่ให้ท้องรถติดกับถนน ถึงกระนั้นก็ยังถูสเกิร์ตกันจนได้ เท่านั้นยังไม่พอ เจออุปสรรคใหญ่ถึง 2 ที่ อันแรกเป็นฝายน้ำล้นที่สร้างด้วยคอนกรีตที่มีน้ำไหลลาดอยู่ 4-5 ซม แต่เนื่องจากพวกเราไม่เคยมา ไม่รู้ว่าจะมีหลุมอยู่ใต้น้ำหรือเปล่า จึงต้องลงสำรวจให้มั่นใจก่อนที่จะลงเสี่ยงดวง ในที่สุดพวกเราก็ข้ามมาได้อย่างใจตุ้มๆ ต่อมๆ กัน เพราะช่วงที่รถเอียงลง หน้ารถแทบจะถูกับพื้นของฝายเพราะฝายเอียงมาก
เจอกับฝายน้ำล้นอันแรก ต้องลงสำรวจก่อนว่ามีหลุมหรือเปล่า
เมื่อผ่านมาได้ก็ลุยกับเส้นทางลูกรังต่อไปสักพัก และก็มาถึงฝายน้ำล้นอีกครั้งเป็นอันที่ 2 อันนี้น่ากลัวกว่าอันแรก เพราะไม่ใช่ฝายที่สร้างขึ้น แต่เป็นแนวก้อนหินใหญ่กว่าช่วงตัวรถนิดหน่อยที่ขวางทางน้ำจนเป็นเหมือนฝาย คราวนี้ลำบากกว่าเดิมเพราะน้ำไหลลาดแถมยังมีหลุมจากหินที่ผุแตกใต้น้ำอีก เราต้องใช้ไม้เท้าดูว่ามีหลุมตรงไหน ตรงไหนลื่น ตรงไหนไม่ลื่น เพราะขนาดเพื่อนเราเดินผ่านยังลื่นสไลด์กันเลย ถ้าเป็นรถลื่นนี่ไม่อยากจะคิด
เจออันนี้เข้าไปพวกเราหยุดตรวจถนนอยู่นานกว่าอันแรกมาก แถมถนนก็เล็ก ไม่สามาถวิ่งสวนกันได้ แล้วก็มีรถกระบะตามมาต่อท้ายพวกเราเพื่อรอคิวที่จะข้ามฝายนี้ และคงจะรอนานพอสมควรจน ลงมาถามพวกเราว่า “มีอะไรรึเปล่า?” พวกเราก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่า “ขอโทษครับ พวกผมไม่เคยมาทางนี้ ไม่รู้ว่ามีหลุมใต้น้ำรึเปล่า” แต่ในเมื่อถอยหลังก็ไม่ได้แล้วมีรถต่อคิวอยู่ พวกเราจึงต้องค่อยๆ ขับประคองข้ามโดยมีเพื่อนๆ ดูทางให้ทั้งหน้า-หลัง รอบคัน โบกทางกันเหมือนเฮลิคอปเตอร์ลงจอด จนข้ามได้ครบ 3 คัน
ฝายน้ำล้นอันที่ 2 หนักกว่าอันแรกมากกก
เฮ้อ... เหนื่อยทั้งตัวเหนื่อยทั้งใจ แต่ในที่สุดก็มาถึงครับ “บ้านริมน้ำ รีสอร์ท”
บรรยากาศของ “บ้านริมน้ำ” ก็ไม่ถึงกับว่าขี้เหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าสวยมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่ลึกและนักท่องเที่ยวคงจะมาถึงน้อย (ถ้าไม่ใช่พวกกระบะลุยๆ) ทำให้ที่นี่กึ่งๆ สวย กึ่งๆ รก อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเราถึง “บ้านริมน้ำ” รถที่จะมารับรถเสียเพื่อไปซ่อมที่ศูนย์ก็มาถึงเช่นกัน ซึ่งเจ้าของรถก็จะต้องออกมาจัดการเรื่องเอกสารด้วย พวกเราจึงปรึกษากันและสรุปว่าคงจะออกมาทั้งหมดดีกว่า เพราะหากออกมาคันเดียวเพื่อจัดการธุระแล้วเกิดฝนตกก็คงจะเข้าไปหาพวกเพื่อนๆ ไม่ได้แน่ และพวกเพื่อนๆ ก็จะออกมาไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงกลับออกมากันหมดโดยไม่ได้พักที่ “บ้านริมน้ำ”