ขับเคี่ยวกันข้ามปี ใครจะเลือกแบบไหนต้องลองอ่านดู!!
เพื่อให้ทุกท่านสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่า เทคโนโลยีดังกล่าว "ใช่" หรือ ?ไม่? สำหรับคุณ วันนี้เราก็ได้นำสองเทคโนโลยีที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างสูสีมาฝากกันซึ่งเป็นเทคโนโลยีออพติคอลดิสก์ (Optical Disc) ยุคอนาคตที่กำลังจะมาแทนที่แผ่นดีวีดีที่เราใช้กันในปัจจุบัน นั่นก็คือ Blu-ray จากค่ายโซนี่ และ HD-DVD จากค่ายโตชิบา .. สองค่ายนี้ทะเลาะกันมาข้ามปีจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีจุดลงตัว ลองไปดูกันว่า....เทคโนโลยีของทั้งสองค่ายเหมือนหรือต่างกันอย่างไร และผู้บริโภคอย่างเรา?? จะเชียร์ฝั่งไหนดี?..
Blu-ray Disc จากค่ายโซนี่ และ HD-DVD จากค่ายโตชิบา ล้วนเป็นเทคโนโลยีออพติคอลดิสก์รุ่นล่าสุด ที่รองรับมาตรฐานวิดีโอแบบ High-Definition และสามารถบรรจุข้อมูลลงบนแผ่นได้จำนวนมากขึ้น โดยทั้งสองเทคโนโลยีใช้เลเซอร์แบบพิเศษสีน้ำเงินและมีหน่วยเก็บข้อมูลบนดิสก์ที่หนาแน่นกว่า ทำให้ปริมาณข้อมูลของแผ่นออพติคอลยุคใหม่มีจำนวนสูงกว่าแผ่นดีวีดีที่เราใช้กันในปัจจุบัน โดยแผ่น Blu-ray แบบชั้นเดียวสามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ 25 กิกะไบต์ และแบบสองชั้นเก็บข้อมูลได้ที่ 50 กิกะไบต์ ส่วนแผ่น HD-DVD นั้นมีความจุสำหรับแผ่นแบบชั้นเดียวที่ 15 กิกะไบต์ และแบบสองชั้นที่ 30 กิกะไบต์???? บลูเรย์แบบชั้นเดียวมีความจุ 25 กิกะไบต์ ซึ่งมากกว่าแผ่นดีวีดีทั่วไปประมาณ 5 เท่า และมากกว่าแผ่นซีดีธรรมดา 33 เท่า .. ความจุขนาดนี้ใช่ว่าขนาดของแผ่นจะต้องใหญ่ขึ้นนะ! ความจริงถ้าดูเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอกของ Blu-ray และ HD-DVD อาจแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าต่างจากดีวีดีทั่วไปตรงไหน
แผ่นทั้งสองประเภทมีขนาดเท่ากันคือ เส้นผ่านศูนย์กลาง 120 มิลลิเมตร และมีความหนาประมาณ 1.2 มิลลิเมตร โดย HD-DVD มีระดับชั้นที่เคลือบเพื่อปกป้องลายนิ้วมือและรอยขูดขีดประมาณ 0.6 มิลลิเมตร ส่วนทาง Blu-ray นั้นมีระดับชั้นป้องกันปัญหาดังกล่างเพียง 0.1 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่เสริมด้วยเทคโนโลยี Hard Coating ที่ทางโซนี่บอกว่า สามารถป้องกันรอยขูดขีดได้ดีกว่าเดิม ส่วนความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลนั้นอยู่ที่ประมาณ 36 เมกะบิตต่อวินาที สำหรับความเร็วระดับ 1 เท่า ซึ่งถือว่าเร็วขึ้นมากเมื่อเทียบกับดีวีดีและแผ่นซีดีทั่วไป
สื่อรุ่นใหม่ทั้งสองประเภทไม่ได้มีดีที่ความจุเท่านั้น??สิ่งที่หลายคนคาดหวังกับ Blu-ray และ HD-DVD ก็คือ คุณภาพของภาพที่คมชัดขึ้นกว่าเดิมและให้สีสันสมจริงที่สุดในแบบที่ดีวีดีเองก็ยังเทียบไม่ได้??แต่ก็ใช่ว่าแค่ซื้อแผ่นและเครื่องเล่นรุ่นใหม่แล้วคุณก็จะได้คุณภาพระดับดังกล่าว ถ้าจะเล่นแผ่นระดับนี้ คุณต้องมีโทรทัศน์แบบ High Definition หรือที่เรียกกันว่า HD-TV ด้วย
ความคมชัดของคุณภาพระดับ High-Definition นั้น เชื่อว่าใครได้ชมเป็นต้องติดใจเพราะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับภาพที่เล่นจากแผ่นดีวีดีหรือแผ่นซีดีธรรมดา แต่จะคุ้มค่ากันหรือไม่ อันนี้ผู้บริโภคต้องลองตัดสินใจกันดู????โดยราคาเฉลี่ยของเครื่องเล่น Blu-ray นั้นอยู่ที่เกิน 3 หมื่นบาทขึ้นไป ส่วนเครื่องเล่น HD-DVD นั้นราคาก็ยังอยู่ประมาณ 2 หมื่นบาท นี่ยังไม่รวมค่าแผ่นภาพยนตร์ที่ตกแผ่นละประมาณเกือบๆพันบาท.... แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกท่านจะได้กลับมาก็คือ คุณภาพของภาพและระบบเสียงที่สมจริงขึ้น
แต่ความซับซ้อนและปัญหาเกี่ยวกับ Blu-ray และ HD-DVD นั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาที่ยังแพงอยู่ เพราะปัญหาสำคัญก็คือ ทั้งสองค่ายทะเลาะกันมาข้ามปี ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสื่อรุ่นใหม่นี้ได้ลำบากขึ้น เพราะแผ่นแบบ Blu-ray นั้นก็ต้องเล่นเฉพาะบนเครื่องเล่นที่รองรับ Blu-ray เท่านั้น เช่นเดียวกันกับ HD-DVD
สองปีผ่านไป ทั้งสองค่ายก็ยังหาทางสมานฉันท์ไม่ได้??ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวหลายครั้งว่าจะรอมชอมกันได้ และที่จริงเดิมทีซัมซุงและแอลจีก็เคยมีแผนที่จะปล่อยเครื่องเล่นแบบที่รองรับได้ทั้งสองมาตรฐาน แต่ท้ายสุดก็เป็นอันเงียบไป ทำให้ผู้บริโภคต้อง "เสี่ยง" ดวงเอาเอง คือ ถ้าสองค่ายไม่มีใครยอมใครกันจริงๆ แน่นอนว่าในอนาคตย่อมมีหนึ่งมาตรฐานที่ชนะ และอีกหนึ่งค่ายที่แพ้????หากใครเลือกผิดก็เหมือนกับซื้อเครื่องเล่นเอาไว้เป็นของประดับบ้านเฉยๆ นั่นละ!!
สถานการณ์ตอนนี้หากดูกันโดยภาพรวมแล้ว Blu-ray ยังคงได้เปรียบอยู่พอสมควร เพราะค่ายหนังฮอลลีวูดยักษ์ใหญ่ 7 ใน 8 รายให้การสนับสนุนอย่างดี ซึ่งได้แก่ Warner, Paramount, Fox, Disney, Sony, MGM และ Lionsgate มีเพียงค่าย Universal เท่านั้นที่ยังปักใจกับ HD-DVD โดยมี Warner และ Paramount เป็นที่ปันใจเลือกทั้งสองฝั่งเป็นแรงหนุนอีกที นอกจากนี้ Blu-ray ยังมีค่ายผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำคอยดันกันอีกหลายแรง ทั้ง Panasonic, Philips, Samsung, Pioneer, Sharp, JVC, Hitachi, Mitsubishi, LG รวมไปถึงค่ายใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ทั้ง Apple, HP และ Dell เรียกว่าทำให้ฟาก HD-DVD ของโตชิบานั้นสั่นได้ไม่น้อยทีเดียว
แต่ใช่ว่า HD-DVD นั้นจะต้องเป็นฝ่ายแพ้นะ?? ลองฟังชื่อของบริษัทระดับบิ๊กๆ ที่หนุนหลังโตชิบาซะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ เพราะมีทั้ง NEC, Sanyo พร้อมด้วยคู่หูดูโอวงการคอมพิวเตอร์อย่าง Microsoft และ Intel เรียกว่าทาง Blu-ray เองก็ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว
สำหรับใครที่อยากลองของใหม่ ทั้ง Blu-ray และ HD-DVD น่าจะสร้างความตื่นเต้นประทับใจให้ได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ถ้าใครชอบความคุ้มค่า Choose IT ของเราขอแนะนำว่า ... รอไปก่อน รอจนกว่าเค้าจะทะเลาะกันเสร็จ รอจนกว่าราคาจะเหมาะสมกว่านี้ แล้วค่อยซื้อก็ยังไม่ช้าเกินไป
อย่าลืมนะว่า จะชมภาพยนตร์คมชัดสมจริงระดับ High-Definition ได้นั้น คุณต้องมีโทรทัศน์ HD-TV รุ่นใหม่ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน HDMI (High Definition Multimedia Interface) แถมยังต้องเสี่ยงเลือกซื้อเครื่องเล่นจากค่ายใดค่ายหนึ่ง และยังต้องคอยระมัดระวังเวลาซื้อแผ่นหนังให้ตรงกับชนิดของเครื่องเล่นอีก ที่สำคัญราคาของแผ่นหนังฟอร์แมตใหม่นั้นยังมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งอาจยังไม่คุ้มนักหากไม่ได้เป็นคนที่รักการชมภาพยนตร์แบบจริงจัง
อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือ เทคโนโลยีใหม่ทั้งสองประเภทนั้นมาพร้อมกับการปกป้องลิขสิทธิ์แบบเข้มงวดมาก ตั้งแต่การเชื่อมต่อแบบ HDMI ซึ่งรองรับการเข้ารหัสปกป้องลิขสิทธิ์ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยี AACS ที่ทำให้แผ่นเหล่านี้ไม่สามารถเล่นกับซอฟต์แวร์ฟรีบนพีซีได้อย่างสะดวก หากใครนิยมแผ่นผีซีดีเถื่อนละก็ ต้องเตรียมตัวผิดหวังไว้ได้เลยล่ะ
ถ้าชอบดูหนัง .. ก็คงต้องเลือก Blu-ray เพราะมีค่ายหนังดังสนับสนุนเพียบ แต่ถ้าชอบความคุ้มค่าราคาประหยัดกว่า ก็คงต้องเป็น HD-DVD..... แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งซื้อ รออีกซักนิดจนกว่าทิศทางในตลาดจะชัดเจน รับรองว่ายังไม่สายเกินไป
ที่มา:
Tricast.tv