โอเปอเรเตอร์ให้บริการเครือข่ายสื่อสารเคลื่อนที่ของญี่ปุ่นนาม UQ Communications แถลงข่าวร่วมกับผู้บริหาร Intel เพื่อให้บริการเครือข่ายข้อมูลไร้สายความเร็วสูงไวแมกซ์ (WiMAX) ที่เร็วที่สุดในโลกวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ระบุความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดคือ 40Mbps และสามารถอัปโหลดข้อมูลด้วยความเร็ว 10Mbps
นอกจากการเริ่มให้บริการไวแมกซ์เต็มตัวเป็นรายแรกในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม ทั้งสองยังร่วมกันเปิดตัวชิปเครือข่ายข้อมูลไร้สายความเร็วสูงไวแมกซ์ (WiMAX) ของอินเทลสำหรับติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งทันทีที่บริษัท UQ ออกมาประกาศว่าพร้อมให้บริการไวแมกซ์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กกว่า 13 รายก็พร้อมใจกันออกคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อไว้ใช้งานกับเทคโนโลยี WiMAX แล้ว
ไวแมกซ์ (WiMAX) ย่อมาจากคำว่า Worldwide Interoperability for Microwave Access หรือมาตรฐาน IEEE 802.16 คือเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงระยะไกล มีรัศมีทำการกว้างถึง 30 ไมล์ (ประมาณ 48 กิโลเมตร) ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงสุด 75 เมกะบิตต่อวินาที สามารถส่งสัญญาณได้แม้มีสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้หรืออาคาร และบนรถที่มีการเคลื่อนที่
หนึ่งในนั้นคือระบบเนวิเกเตอร์สำหรับนำทางในรถยนต์ของฮิตาชิ มาพร้อมชิปไวแมกซ์ของอินเทลที่ทำให้ผู้ใช้สามารถดึงข้อมูลจากเครือข่ายไวแมกซ์ในขณะรถวิ่ง นอกจากนี้ยังมีโน้ตบุ๊กใหม่ของเอ็นอีซีนาม "LaVie Light BL350" โน้ตบุ๊กไวแมกซ์ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์อะตอม (ATOM) ของอินเทล มาพร้อมแอลซีดี 10.1 นิ้ว ซึ่งเอ็นอีซีมีแผนจะวางตลาดอย่างเป็นทางการวันที่ 11 มิถุนายนนี้
การทำให้บริการไวแมกซ์เกิดขึ้นได้จะต้องใช้ชิปสำหรับรับสัญญาณคลื่นความถี่พิเศษ และโครงข่ายกระจายสัญญาณ จุดนี้อินเทลระบุว่า กลุ่มทุนของอินเทลได้เทเงินทุนกว่า 43 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยให้ UQ สามารถสร้างเครือข่ายให้บริการแก่ลูกค้าในประเทซญี่ปุ่นได้ โดยเครือข่ายข่ายขณะนี้ครอบคลุมเมืองโตเกียวทั้งเมือง ส่วนเมืองใกล้เคียงอย่างคาวาซากิและโยโกฮามาจะต้องรออย่างช้าคือสิ้นปีนี้ โดย UQ ระบุว่ามีแผนขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่อาศัยของประชากรกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ในปี 2012
การเปิดตัวบริการเครือข่ายไวแมกซ์ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดศึกแข่งขันอย่างเต็มตัวระหว่างโอเปอเรเตอร์เบอร์หนึ่งและเบอร์สองแดนปลาดิบอย่างเอ็นทีทีโดโคโม (NTT DoCoMo) และเคดีดีไอ (KDDI) โดย UQ นั้นได้รับการสนับสนุนจากเคดีดีไอในขณะที่โดโคโมมีแผนให้บริการเครือข่ายข้อมูลไร้สายความเร็วสูง HSUPA แทน ความเร็วในการอัปโหลดข้อมูลคือ 5.7Mbps ความเร็วในการดาวน์โหลด 14Mbps ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวภายในปีนี้เช่นกัน
ท่ามกลางการแข่งขันสุดมันส์ ประเทศไทยกลับไม่มีวี่แววการออกใบอนุญาตให้บริการไวแมกซ์ซึ่งใช้คลื่นความถี่พิเศษที่ผู้ให้บริการต้องขออนุญาตจากรัฐบาลประเทศนั้นๆ ทั้งที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเวียดนามหรือมาเลย์เซียล้วนได้รับไฟเขียวและพร้อมให้บริการในเร็ววันนี้แล้ว
ที่มา: http://www.manager.co.th