สำหรับใครๆ ที่ขับรถยนต์เป็นประจำ ไม่ว่าจะทางใกล้หรือไกล หนึ่งในอุปกรณ์ที่แนะนำให้พกติดรถเอาไว้เลยนั่นก็คือ
เครื่องวัดแบตเตอรี่ เผื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ประโยชน์ของเครื่องนี้คือสามารถใช้งานได้แบบ 3in1 ตั้งแต่ตรวจวัดสุขภาพแบตเตอรี่ วัดค่า CCA วัดค่าไดร์ชาร์จและไดร์สตาร์ท หากรู้จักเลือกดีๆ บอกเลยว่าเจ้าเครื่องวัดแบตเตอรี่นี้มาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลาย ตั้งแต่ฟังก์ชันไฟโชว์แจ้งเตือนเพื่อบ่งบอกสถานะของแบตเตอรี่ ตลอดไปจนถึงฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ซึ่งบทความนี้อาสานำเอาประโยชน์ของเครื่องวัดแบตเตอรี่มาแชร์กัน แต่จะมีอะไรบ้าง ตามมาหาข้อมูลกันต่อได้เลย
หน้าจอแสดงผล ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
จากที่ได้เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้นเครื่องวัดแบตเตอรี่สมัยนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่ทันสมัย ที่แน่ๆ คือมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล ช่วยให้ง่ายต่อการใช้งาน เอาไว้ใช้สำหรับการแสดงผลของเลขแรงดัน ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่แสดงค่าออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถไว้วางใจได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะแม่นยำแน่นอน สามารถเชื่อถือได้ รวมไปถึงคุณสมบัติภายนอกของเครื่องวัดแบตเตอรี่ก็ยังมีน้ำหนักเบา พกพาง่าย ไม่ว่าจะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ก็สามารถพกติดเอาไว้ได้ ไม่กินพื้นที่แน่นอน
ใช้งานได้กับรถทุกรุ่น
สำหรับรถทุกรุ่นในที่นี้หมายถึงรถยนต์ รถบรรทุก หรือแม้กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์เอง จากที่ได้เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้นว่าเครื่องวัดแบตเตอรี่นั้นถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เหมาะแก่การพกพาทั้งรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ แต่นอกเหนือจากนั้นคุณสมบัติอื่นๆ ของเครื่องวัดแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานควบคู่กับรถยนต์ได้ทุกรุ่น หากคนขับรถมือใหม่ที่อาจจะยังไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องวัดแบตเตอรี่มากนักก็แนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่รองรับค่า CCA ได้ตั้งแต่ 100-1000 Amp (แอมป์) จะสามารถใช้งานร่วมกันกับรถยนต์ได้หลากหลายรุ่น ส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 6 ล้อเป็นต้นไปแนะนำให้เลือกใช้เครื่องวัดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 800 Amp ขึ้นไปจะดีกว่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานนั่นเอง
ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
แน่นอนว่าถ้าหากจะเลือกเครื่องวัดแบตเตอรี่ดีๆ สักเครื่อง จุดเด่นของอุปกรณ์ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับรถยนต์คุณนั่นก็คือสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก เข้าใจได้ไม่ยากนัก สามารถใช้เครื่องวัดแบตเตอรี่ในการวัดผลลัพธ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากห้องเครื่อง ช่วยย่นระยะเวลาและทำให้ทุกอย่างง่ายมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนรักรถหลายๆ คนเลือกที่จะหันมามองหาเครื่องวัดแบตเตอรี่พกติดรถกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถแบบไหนก็ตาม
ในท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าเครื่องวัดแบตเตอรี่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการช่วยเช็กสภาพแบตเตอรี่ในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือให้เจ้าของรถหมั่นนำเอารถเข้าไปตรวจสภาพกับช่างผู้เชี่ยวชาญให้ตรงตามกำหนด อย่างน้อยขั้นต่ำคือ 10,000 กิโลเมตร เผื่อในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องเรียกใช้บริการจากเครื่องวัดแบตเตอรี่นั่นเอง