เพราะการมีลูกน้อย คือหนึ่งในความฝันสูงสุดของคู่สมรสหลาย ๆ คู่ แต่ความฝันนั้นกลับต้องหยุดชะงัก ด้วยอุปสรรคอย่าง ‘ภาวะมีบุตรยาก’ บทความนี้มาชวนรู้จักกับปัญหามีบุครยาก พร้อมวิธีการรักษาด้วยการทำ IUI มาดูกันว่า
IUI คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง
รู้จักกับ ‘ภาวะมีบุตรยาก’ ปัญหาที่คู่สมรสต้องรู้ให้ทัน
ภาวะมีบุตรยาก หมายถึง การที่คู่สมรสไม่สามารถมีบุตรได้ ถึงแม้จะมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอและไม่มีการคุมกำเนิด
สาเหตุของภาวะมีบุตรยากสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
- สาเหตุจากฝ่ายชาย เช่น ปัญหาอสุจิ เช่น มีปริมาณอสุจิน้อย รูปร่างอสุจิผิดปกติ การเคลื่อนไหวของอสุจิไม่แข็งแรง
- สาเหตุจากฝ่ายหญิง เช่น ปัญหารังไข่ เช่น ไข่ไม่ตก ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ รังไข่ทำงานผิดปกติ เป็นต้น ปัญหาท่อนำไข่ เช่น ท่อนำไข่อุดตัน ท่อนำไข่อักเสบ เป็นต้น ปัญหามดลูก เช่น มดลูกผิดปกติ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นต้น ปัญหาปากมดลูก เช่น ปากมดลูกปิดตัน
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก เช่น อายุที่มากขึ้น โรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ รวมถึงประวัติการเจ็บป่วยทางนรีเวช เช่น เคยผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน เคยแท้งบุตร และยังมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ หรือ การดื่มแอลกอฮอล์
หากคู่ใดที่มีปัญหามีบุตรยาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม โดยการรักษาภาวะมีบุตรยากในปัจจุบันนี้สามารถทำได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก เช่น การให้ยากระตุ้นการตกไข่ การฉีดเชื้อผสมเทียม (IUI) หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
IUI คืออะไร?
สำหรับใครที่สงสัยว่า การทำ IUI คืออะไร เราสรุปไวให้แล้ว
IUI ย่อมาจาก Intrauterine Insemination เป็นการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง โดยใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็กสอดผ่านปากมดลูกแล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกช่วงที่ไข่ตกหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก โดยตัวอสุจิจะว่ายไปปฏิสนธิกับไข่ที่ท่อนำไข่เอง
ขั้นตอนการทำ IUI
หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่า การทำ IUI คืออะไร เรามาดูกันว่า วิธีนี้มีขั้นตอนอย่างไร
- แพทย์จะตรวจสุขภาพทั้งฝ่ายชายและหญิง เพื่อประเมินสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
- ฝ่ายหญิงอาจต้องได้รับการกระตุ้นการตกไข่ด้วยยาฮอร์โมน
- ฝ่ายชายจะเก็บเชื้ออสุจิในห้องปฏิบัติการ โดยแพทย์จะคัดกรองเชื้ออสุจิที่แข็งแรงออกมา
- แพทย์จะฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก
- หลังทำ IUI ฝ่ายหญิงควรนอนพักประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะกลับบ้านได้
ข้อดีของการทำ IUI คืออะไร?
- เป็นวิธีการแก้ปัญหามีบุตรยากที่พื้นฐาน และใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด วิธีการไม่ยุ่งยาก และไม่เจ็บตัวเท่ากับการทำเด็กหลอดแก้ว
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการทำเด็กหลอดแก้ว
- มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าการปล่อยให้ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ โดยอัตราความสำเร็จของการทำ IUI อยู่ที่ประมาณ 5-15% ต่อรอบการรักษา ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของฝ่ายหญิง คุณภาพของอสุจิ และสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่า การทำ IUI คืออะไร เชื่อว่าจะช่วยให้คู่สมรสเข้าใจถึงวิธีการรักาภาวะมีบุตรยากกันมากขึ้นอย่างแนนอน อย่างไรก็ตาม การทำ IUI ก็ยังมีความเสี่ยงบางประการ เช่น อาจเจ็บปวดเล็กน้อยขณะฉีดเชื้อ หรือมีโอกาสตั้งครรภ์แฝดได้มากกว่าการปล่อยให้ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ