ตอบกระทู้ 
 
คะแนนกระทู้:
  • 0 Votes - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
ไขข้อสงสัยทำไมจึงต้องฉีด วัคซีน มะเร็งปากมดลูก
Thu, 01 Jul 21, 22:21
Post: #1
ไขข้อสงสัยทำไมจึงต้องฉีด วัคซีน มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งเป็นโรคที่พบบ่อย ถือเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลกและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุการเกิดมะเร็ง เต้า นม และ มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุหลักจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โรง พยาบาล ศูนย์ มะเร็ง แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงตรวจสุขภาพคัดกรองโรคมะเร็งเป็นประจำทุกปี หากตรวจพบอาการในระยะเริ่มต้นจะรักษาได้ทันท่วงที เป็นโรคมะเร็งชนิดที่เกิดกับผู้หญิงมากที่สุด การฉีด วัคซีน มะเร็งปากมดลูก จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ดีขึ้น
โรงพยาบาลในปัจจุบันหลายโรงพยาบาลมีบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการ Co-testing หมายถึงการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA) ร่วมกับการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) ทำให้ได้ผลตรวจแม่นยำยิ่งขึ้น ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 30-65 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งควรเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยโรค ถ้าพบเซลล์มะเร็งจะช่วยให้วางแผนการรักษาได้ทันเวลา
สำหรับวัคซีน HPV ที่ใช้ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกมีความจำเป็นหรือไม่ ฉีดแล้วได้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง... โรง พยาบาล พระราม 4 มีคำตอบที่ช่วยไขข้อข้องใจดังต่อไปนี้
1.เชื้อไวรัส HPV ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถือเป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งปากมดลูก องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ฉีด วัคซีน มะเร็งปากมดลูก ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70% ในกรณีที่เป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว การฉีดวัคซีนยังคงมีประโยชน์ช่วยป้องกันโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้
2.ข้อดีของวัคซีน HPV หากได้รับวัคซีนตั้งแต่อายุน้อยจะป้องกันไวรัส HPV ได้มีประสิทธิภาพทั้งเพศหญิงและเพศชาย ช่วยให้ห่างไกลโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งบางชนิดได้เป็นอย่างดี วัคซีนมีผลข้างเคียงน้อยมาก
3.การฉีดวัคซีนเริ่มตั้งแต่อายุ 9-26 ปี แนะนำว่าควรฉีดวัคซีนช่วงวัย 11-12 ปี ซึ่งเป็นวัยที่สร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ
-ถ้าได้รับวัคซีนก่อนอายุ 15 ปีจะฉีดเพียง 2 เข็ม ระยะห่างกัน 6-12 เดือน
-ถ้าได้รับวัคซีนเมื่ออายุ 15 ปีขึ้นไป ต้องเพิ่มจำนวนฉีดเป็น 3 เข็ม คือ ฉีดครั้งที่ 1 ในวันที่กำหนด และฉีดหลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน ส่วนเข็มสุดท้ายฉีดหลังจากเข็มแรก 6 เดือน
-ถ้าอายุเกิน 26 ปีแล้ว วัคซีนจะมีประสิทธิผลน้อยลง แต่ยังคงฉีดได้จนถึงอายุ 45 ปี และควรปรึกษาแพทย์ก่อน
4.วัคซีนมะเร็งปากมดลูกป้องกันการติดเชื้อ HPV อย่างน้อย 5-10 ปี และยังมีภูมิต้านทานเพียงพอในระดับหนึ่ง เนื่องจากวัคซีนไม่ได้ป้องกัน 100% แนะนำว่าหลังฉีดวัคซีนแล้วควรเข้า ตรวจ สุขภาพ ประ จํา ปี เพื่อเฝ้าระวังคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งอื่นๆ ตามปกติ
5.การฉีดวัคซีนอาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย อาการที่พบบ่อย ได้แก่ บริเวณที่ฉีดวัคซีนปวด บวม แดง คัน บางรายอาจปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ ซึ่งจะหายได้เอง แต่ยังไม่พบว่ามีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงชนิด GBS อย่างเดียวกับที่เกิดตามหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
6.โรง พยาบาล ศูนย์ มะเร็ง แนะนำว่าสตรีมีครรภ์หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนช่วงตั้งครรภ์ ถ้าฉีดเข็มแรกไปแล้ว รอหลังคลอดค่อยฉีดเข็มต่อไป ถ้าได้รับวัคซีนโดยไม่รู้ว่าตั้งครรภ์ ไม่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์
7.วัคซีน HPV ฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เนื่องจากเชื้อ HPV มีหลายสายพันธุ์และเพศชายมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้เหมือนกัน วัคซีนนี้ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งลำคอ มะเร็งปาก โรคหูดหงอนไก่ รวมทั้งป้องกันการเป็นพาหะของไวรัส HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์และการสัมผัสกับเชื้อไวรัสโดยตรง
สำหรับผู้ที่กังวลใจว่าตนเองอาจจะเข้าข่ายเสี่ยงเป็นมะเร็งไม่ว่าชนิดใดก็ตาม สามารถติดต่อกับสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางถึงแนวทางการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้แล้ว
ค้นหาข้อความทั้งหมดของสมาชิกท่านนี้
อ้างถึงข้อความนี้ในการตอบกระทู้
ตอบกระทู้ 


** ข้อแตกต่างระหว่างการตอบกระทู้โดยใช้กล่อง comment ของ Facebook กับกล่องตอบข้อความของทางเว็บ


ไปยังหัวข้อ:


ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: 1 ผู้เยี่ยมชม