ตอบกระทู้ 
 
คะแนนกระทู้:
  • 0 Votes - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
หาที่สอนขับรถยนต์ อยากได้ที่สอนขับรถ ที่สอนดีๆ ครูสอนขับรถเอาใจใส่
Thu, 22 Nov 12, 16:17 (แก้ไขล่าสุด: Thu, 26 Feb 15 08:53 โดย instructor.)
Post: #1
หาที่สอนขับรถยนต์ อยากได้ที่สอนขับรถ ที่สอนดีๆ ครูสอนขับรถเอาใจใส่
สอนขับรถบ้าน ครูเฮง

ยังขับรถไม่เป็น ไม่มีคนสอนขับรถ มองหาที่สอนขับรถ อยากได้ที่สอนขับรถที่สอนดีๆ สอนขับรถคุณภาพ ครูสอนขับรถเอาใจใส่ ครูสอนขับรถไม่ดุ สอนขับรถราคาไม่แพงสมเหตุ สมผล อยากเรียนขับรถ หนักใจเรื่องเรียนขับรถ หาที่เรียนขับรถไม่ได้ ไม่รู้จะไปเรียนขับรถที่ไหน

ครูเฮงสอนให้ สามารถขับรถยนต์ได้จริงทุกคน (ไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน ) อย่างถูกต้อง ถูกหลักวิชา และปลอดภัย

การฝึกขับรถที่ถูกต้อง จะไม่เกิดอันตรายใดๆ (ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ )

ครูเฮงเชี่ยวชาญการสอนขับรถบ้าน นานกว่า 40 ปี ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ และรถตู้ รับสอนถึงบ้าน ( ทั่วกทม.และจังหวัดใกล้เคียง ) ครูสุภาพ ใจเย็น เป็นกันเองกับผู้เรียน สามารถสอนจากเช้าจรดเย็น สอนแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ผู้เรียนจะเรียนแบบเป็นสุข ไม่ทุกข์กับการเรียน การสอนขับรถทุกวันนี้ จะสอนกันตามความเข้าใจ และตามประสบการณ์ของผู้สอน ไม่ได้สอนตามหลักวิชา ( ตามบทเรียน หรือตามแบบฝึกหัด )

อุบัติเหตุจากการขับรถ จึงเกิดขึ้นบ่อย และร้ายแรง

“ เพราะผู้ขับขี่ขาดความรู้ในเชิงวิชาการ ”

“ ยอมเสียเงินล้าน, เงินแสน, เงินหมื่น แต่ไม่ยอมเสียเงินพัน ยอมรักษาแต่ไม่คิดป้องกัน ”

ความหายนะของอุบัติเหตุ จากการขับรถไม่มีขีดจำกัด อาจถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรก็ต้องยอม การขับรถอย่างถูกหลักวิชา “ เป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ต้นเหตุ ”

รถโรงเรียนสอนขับรถทั่วไป มักมีเบรกเสริมฝั่งซ้ายให้ครูช่วยเบรก ซึ่งเป็นผลเสียต่อผู้เรียน อาจจะปลอดภัยขณะฝึกขับด้วยรถโรงเรียน แต่ไม่ปลอดภัยเวลาขับรถตนเอง เพราะผู้เรียนไม่เข้าใจชะลอรถขณะเลี้ยว เมื่อรถเคลื่อนตัวเร็ว ไม่มีคนช่วยเหยียบเบรกเพื่อชะลอ ถ้าหมุนพวงมาลัยไม่ทัน ก็จะเลี้ยวไม่พ้น

ผู้ที่ผ่านการฝึก จากโรงเรียนสอนขับรถยนต์มาแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ ไม่สามารถขับเองได้ตามลำพังคนเดียว ครูจะช่วยต่อยอด และเติมเต็มในส่วนที่ขาด จนมั่นใจ และสามารถบังคับรถได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง ตั้งแต่เริ่มต้นจนออกสู่ถนน ถ้าคุณเชื่อ และปฏิบัติตามหลักวิชาการของเรา

คุณจะมั่นใจว่า

คุณก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถขับรถบนท้องถนน ได้อย่างปลอดภัย

ทุกอย่างเป็นจริงตามอ้าง เพื่อเป็นการพิสูจน์ ครูจะสอนคุณก่อน 2 ชั่วโมงโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ถ้าไม่เป็นที่พอใจ ไม่ต้องพูดเรื่องเงิน พร้อมพาคุณกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ หากเห็นว่าดีค่อยเรียนต่อจนหมดวัน เรียนแล้วค่อยจ่ายไม่เก็บล่วงหน้า ค่าตอบแทนให้คุณเป็นฝ่ายพิจารณาเป็นวันๆ คุณคิดว่า “ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญชำนาญการสอนทั้งทฤษฎี และปฏิบัติควรจะได้ค่าตอบแทนวันละเท่าไร ?

“ โปรดอย่าพูดเรื่องราคาถ้ายังไม่เห็นสินค้า ”

และ

“ โปรดอย่านำสินค้าคุณภาพไปเปรียบกับสินค้าทั่วไป ”

การทำมาหากินอย่างมีศักดิ์ศรี ต้องให้มีทางเลือก ไม่หาเหตุบังคับ พอใจผู้ให้ ภูมิใจผู้รับ ก็จะเป็นความสุขความสบายใจซึ่งกัน และกัน

ครูมีสถานที่ และวิธีการฝึกอย่างปลอดภัย

อยู่ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 บางแค และถนนรามอินทรา มีนบุรี

วิชาที่สอน

1. การตรวจเช็คก่อนการใช้รถ 13. การถอยตรง แบบหันหลัง

2. การเตรียมพร้อมก่อนการขับ 14. การถอยตรงแบบมองกระจกส่องข้าง

3. การปรับเบาะที่นั่ง 15. การจอดรถชิดขอบทาง

4. การปรับกระจก ( กระจกส่องข้าง-ส่องหลัง ) 16. การเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาให้ได้มุมฉาก

5. การเข้าเกียร์ 17. การถอยจอดแบบตั้งฉาก

6. การถอนคลัตช์ (รถเกียร์ธรรมดา ) 18. การถอยจอด (ระหว่างรถคันหน้า – คันหลัง )

7. การปลดเกียร์ว่าง 19. การกลับรถแบบ เดินหน้า – ถอยหลัง

8. การเปลี่ยนเกียร์ 20. การเปลียนเลนส์

9. การขับรถเดินหน้าให้ตรงทาง 21. การหยุดรถบนคอสะพาน

10. การขับรถเข้าโค้ง 22. การขับรถขึ้นสะพานกลับ

11. การกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง 23. การขับรถขึ้นตึกจอดรถ

12. การกลับรถในลักษณะวนกลับ

หากมีข้อสงสัย ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม

หรือต้องการสมัครเรียน เพื่อเป็นการเข้าระบบ เพียงแจ้ง ชื่อ/ที่อยู่ พร้อมระบุช่วงวันสะดวกก็พอ

( ควรระบุหลายๆวัน เพื่อจะได้ไม่ทับซ้อนกับคนก่อน )

ทาง SMS 08-6061-3169 แล้วครูจะติดต่อกลับ

ค้นหา " สอนขับรถบ้าน ครูเฮง " จาก google ได้

………………………………………………………………………………………..
.








บทความเพิ่มเติม

การขับรถคือ การควบคุม และบังคับรถ ทุกอิริยาบถ ทุกระดับความเร็ว ทุกลักษณะ และทุกสภาพของถนน ด้วยความประณีตบรรจง นุ่มนวล หรือนิ่มนวล ตามความต้องการของผู้ขับ

รถยนต์ เป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์

· ศาสตร์ คือวิทยาศาสตร์ รถยนต์เกิดจากการประดิษฐ์คิดค้น โดยมนุษย์ ( นักวิทยาศาสตร์ ) ไม่ได้เกิดขึ้นสำเร็จรูปจากธรรมชาติ มนุษย์ไม่อาจใช้ความเข้าใจโดยธรรมชาติ ในการควบคุม และบังคับ จึงจำเป็นต้องศึกษา และเรียนรู้ หลักการควบคุม และบังคับที่ถูกต้อง จากการค้นคว้า ทดสอบ และทดลอง ที่นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์คิดค้น ได้จดบันทึกเป็นหลักวิชาไว้

· ศิลป์ นักขับรถที่ดีต้องขับอย่างมีศิลป์ ต้องขับด้วยความสุภาพ ประณีตบรรจง นุ่มนวล หรือนิ่มนวล ไม่กระตุก และไม่กระชาก เป็นการยืดอายุรถ และป้องกันอุบัติเหตุด้วย

การหมุนพวงมาลัยอย่างช้าๆ ไม่ส่าย ไม่กระตุก และไม่กระชาก จะสามารถควบคุมรถได้ดี เป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางหนึ่ง

การสอนขับรถทุกวันนี้ จะสอนกันตามความเข้าใจ และตามประสบการณ์ของผู้สอน ไม่ได้สอนตามหลักวิชา ( ตามบทเรียน หรือตามแบบฝึกหัด ) อุบัติเหตุจากการขับรถ จึงเกิดขึ้นบ่อย และร้ายแรง เพราะผู้ขับขี่ขาดความรู้ในเชิงวิชาการ

การขับรถอย่างถูกหลักวิชา เป็นการแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุที่ต้นเหตุ ผู้ ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกที่ถูกต้อง จะไม่รู้จักการอ่านเหตุการณ์ล่วงหน้า ไม่สามารถบังคับรถในทุกอิริยาบถ ทุกระดับความเร็ว ไม่ใช้วิธีหยุดรถ หรือชะลอรถ เมื่อพบสิ่งกีดขวาง แต่จะใช้วิธีหักหลบ ครั้นเห็นว่าไม่พ้น ก็จะเบรกด้วยคันเร่ง รถจึงวิ่งจนสุดกำลัง ดังจะเห็นได้จาก การที่มีรถวิ่งพุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างแรง ชนเสาไฟฟ้า พลิกคว่ำ วิ่งข้ามเกาะกลางถนน หรือชนประสานงากับรถฝั่งตรงข้ามที่วิ่งสวนทางมา

การขับรถ และการใช้รถอย่างถูกต้อง

นอกจากจะ เป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ยังเป็นการ ถนอมรถ อีกด้วย

ครูสอนขับรถที่ดีต้องเข้าใจธรรมชาติ ของผู้ที่ยังขับไม่เป็น ย่อมจะมีความกลัวเป็นทุนอยู่ก่อน เมื่อผู้เรียนไม่เข้าใจ ครูต้องพยายามอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจให้ได้ ไม่ ใช่บังคับให้ผู้เรียนเข้าใจ หรือใช้อารมณ์กลบเกลื่อน เมื่อไม่สามารถอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจ

· การสอนที่ใช้อารมณ์ ยิ่งเป็นการเพิ่มความกลัว ทำให้ผู้เรียนขาดสมาธิ จะยิ่งทำให้การเรียนเข้าใจยากขึ้น และขาดความจำด้วย การฝึกก็จะยิ่งยืดเยื้อต้องใช้เวลามากขึ้น

การสอนขับรถ เปรียบได้กับการสอนให้เด็กหัดเดิน ต้องสอนอย่างช้าๆ ค่อยๆประคอง จนกว่าเด็กจะเดินได้เอง เด็กเกือบทุกคนเมื่อตอนหัดเดินใหม่ๆ มักใส่รองเท้ากลับข้าง เพราะความเข้าใจของเด็ก ที่กำลังหัดเดิน จะต่างกับความจริง ความเข้าใจของคน ที่กำลังหัดขับรถ ก็เช่นกัน จึงเป็นเหตุผล ที่มีนักขับรถหลายคน สอนคนใกล้ชิดไม่ได้ เพราะต้องทนกับ ความเข้าใจที่ผิด ของผู้เรียน ยิ่งถ้าผู้เรียน กับ ผู้สอนขาดความเกรงใจซึ่งกันและกัน ก็ยากที่จะสอนกันได้ เพราะต่างคนต่างเชื่อมั่นในความคิด และความเข้าใจของตนเอง

ครูสอนขับรถควรจะสอนตามหลักวิชา ไม่ใช่สอนตามความเข้าใจ หรือสอนตามประสบการณ์ของตน ผู้เรียนเกือบทุกคน จะหมุนพวงมาลัยไม่เป็น ครูต้องสอนให้ผู้เรียนหมุนให้ถูกวิธี จะช่วยให้ควบคุมทิศทางง่ายขึ้น

ครูสอนขับรถต้องบอกอัตราส่วนของการหัก และการคืน ทั้งองศา และเวลา ให้กับผู้เรียน ไม่ใช่หมุนให้ดู แล้วให้ผู้เรียนทำความเข้าใจเอาเอง

รถเกียร์ธรรมดา (เกียร์กระปุก) ครูต้องสามารถสอนผู้เรียน ให้เลี้ยงคลัตช์ได้อย่างถูกต้อง จึงจะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ อย่างนุ่มนวล ตั้งแต่วินาทีแรก โดยไม่สั่น ไม่กระตุก หรือไม่กระชาก จนเครื่องดับ

การเลี้ยงคลัตช์ควรจะเป็นการถอนคลัตช์ ไม่ใช่การปล่อยคลัตช์ เพราะการปล่อยคลัตช์จะมีปัญหา เมื่อเกิดกรณีรถติดแบบเคลื่อนตัว ไม่ใช่ติดอยู่กับที่ แต่เป็นการเคลื่อนตัวเรื่อยๆ หยุดบ้างเคลื่อนบ้าง ในกรณีนี้ถ้าใช้การปล่อยคลัตช์ แป้นคลัตช์ก็จะเลื่อนต่ำเรื่อยๆ จากอุ้งเท้าลงสู่ฝ่าเท้า ทำให้เหยียบแป้นคลัตช์ได้ไม่สุด รถจึงยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่ารถกำลังจะเคลื่อนไปชนรถคันหน้า จึงต้องตัดสินใจหยุดรถ แต่เพราะเท้าอยู่ที่คันเร่ง จึงเบรกด้วยคันเร่ง เหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อย หลายคนอาจจะเคยเห็น รถที่ขับตามหลังอยู่ดีๆ ก็พุ่งชนรถคันหน้าอย่างแรง สาเหตุเพราะใช้การปล่อยคลัตช์ ไม่ใช้การถอนคลัตช์
การเข้าเกียร์ก็เช่นกัน ต้องเข้าใจใช้ศูนย์กลางเกียร์ว่าง ( center) เพื่อป้องกันการเข้าผิดเกียร์ การเช็คเกียร์ว่างก่อนการสตาร์ทรถ ควรจะเช็คที่สปริงเกียร์ถอย จะแน่นอนกว่า ไม่ควรใช้วิธีโยกคันเกียร์ อย่างที่ทำกัน เพราะ การโยกคันเกียร์ ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เป็นเกียร์ว่างจริง รถที่บูทคันเกียร์หลวม ก็อาจโยกได้เมื่อเกียร์ยังไม่ว่าง.






ขับรถต้องขับเป็น มิใช่เป็นเพียงขับได้ ขับเป็นย่อมปลอดภัย เพียงขับได้อาจต้องเสี่ยง

ขับรถอย่างผู้รู้ สู่ถนนอย่างปลอดภัย ใช้รถอย่างประหยัด จึงจัดว่าขับเป็น

ขับรถอย่างผู้รู้

· รู้จัก ควบคุมกลไกการบังคับรถ

· รู้จัก ใช้ประโยชน์จากจุดหมุนของรถ

· รู้จัก ใช้ center ในการเปลี่ยนเกียร์

· รู้จัก บังคับรถในทุกอิริยาบถ ทุกระดับความเร็ว

· รู้ ระยะเบรก สามารถหยุดรถโดยไม่ให้ผู้ที่นั่งมาในรถรู้ว่ารถหยุดเมื่อหลับตา

· รู้ วิธีเลี้ยงคลัตช์โดยไม่ใช้คันเร่ง

· รู้ การใช้หลัก 50 ซ.ม. ในการถอยจอด

· รู้ การถอยตรงด้วยการมองกระจกเพียงข้างเดียว โดยใช้ภาพ Perspective

· รู้ การขับรถผ่านช่องแคบโดยการมองภาพครึ่งคัน

· รู้ การปรับกระจกส่องข้าง และกระจกส่องหลังอย่างถูกต้อง(ได้ภาพลึก และกว้างที่สุด)

· รู้ การจอดรถชิดขอบทางโดยการใช้ mark

· รู้ การเลี้ยวมุมฉาก(หักแล้วคืนให้ได้ 90 องศา )

ขับรถอย่างผู้รู้

· รู้จัก ควบคุมกลไกการบังคับรถ

ซึ่งได้แก่ พวงมาลัย เบรก คลัตช์ เกียร์ และคันเร่ง ( เกียร์ออโต้ไม่มีคลัตช์ )

พวงมาลัย แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการหมุน การหมุนพวงมาลัยก็ยังแบ่งเป็นการหัก และการคืน เมื่อหักแล้วก็ต้องคืน ถ้าไม่คืนรถก็จะวิ่งโค้งเป็นวงกลม ไม่สามารถวิ่งตรงได้ การคืนพวงมาลัยถ้าหมุนคืนไม่ทันรถก็จะเซออกนอกทาง อาจจะไปชนกับรถที่มาทางด้านข้างได้ ส่วนที่สองคือทิศทางของรถ การบังคับรถให้วิ่งไปตามทิศทางที่เราต้องการ โดยเฉพาะการขับให้รถวิ่งตรงตามเส้นแบ่งช่องจราจร ต้องรู้อัตราส่วนของการหัก และการคืน ซึ่งก็ยังแบ่งเป็น องศา และระยะเวลา

เบรก ทำหน้าที่สองประการ คือ ชะลอรถ และหยุดรถ การใช้เบรกในการหยุดรถของรถเกียร์ธรรมดา จะต้องไม่ทำให้ผู้โดยสาร หรือผู้ที่นั่งในรถรู้ว่ารถหยุด เมื่อหลับตา ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งก็ต้องเข้าใจระยะ และจังหวะของการเหยียบเบรก การใช้เบรกควรใช้เท่าที่จำเป็น การใช้เบรกมากมีผลทำให้สินเปลืองเชื้อเพลิงมากด้วย


คลัตช์ ทำหน้าที่ตัดต่อระหว่างเครื่องกับล้อ การใช้คลัตช์เพื่อการเคลื่อนรถ ต้องไม่เร่งเครื่อง หรือไม่ใช้คันเร่ง และก็ต้องไม่ให้รถเกิดปฏิกิริยาทางลบ คือ สั่น กระตุก หรือกระชาก

เกียร์ เกียร์ทำหน้าที่สองประการคือ ตัดต่อระหว่างเครื่องกับล้อ(ลักษณะการตัดต่อจะต่างกันกับคลัตช์) และเพิ่มหรือลดรอบของล้อ รถเกียร์ธรรมดาการเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ต่ำไปยังเกียร์ที่สูงขึ้น มีสี่ขั้นตอนคือ ลาก ปลด ปล่อย แล้วค่อยเข้า

ลาก ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ให้สูงขึ้นต้องลากเกียร์ก่อน เพื่อเพิ่มแรงเฉื่อย หรือแรงส่ง เป็นการเพิ่มกำลังให้กับเกียร์ถัดไป

ปลด เมื่อลากเกียร์แล้วต่อไปก็เป็นการปลด การปลดเกียร์ไม่ใช่ปลดเฉพาะคันเกียร์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปฏิบัติกันเป็นชุด

ปล่อย เมื่อปลดเกียร์แล้วก็ต้องปล่อยคันเกียร์ ให้คันเกียร์กลับเข้าเซ็นเตอร์

แล้วค่อยเข้า เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว การเข้าเกียร์ก็จะไม่เกิดการผิดพลาด

คันเร่ง คันเร่งทำหน้าที่สองประการ คือเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ เป็นการเพิ่มกำลังของรถ และเพิ่มรอบเครื่องยนต์ เป็นการเพิ่มความเร็วของรถ การใช้คันเร่งถ้าใช้ไม่ถูกวิธี จะมีผลเสียต่อเครื่องยนต์ และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย



ยังมีต่อ /.... · รู้จัก ใช้ประโยชน์จากจุดหมุนของรถ
ค้นหาข้อความทั้งหมดของสมาชิกท่านนี้
อ้างถึงข้อความนี้ในการตอบกระทู้
ตอบกระทู้ 


** ข้อแตกต่างระหว่างการตอบกระทู้โดยใช้กล่อง comment ของ Facebook กับกล่องตอบข้อความของทางเว็บ


ไปยังหัวข้อ:


ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: 2 ผู้เยี่ยมชม