“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน” โตโยต้า ไม่รอช้า จัดทริปทดสอบรถยนต์ คัมรี่ ไฮบริด ให้กับสื่อมวลชนได้สัมผัสบนท้องถนนจริงหลังจากเคยให้ลองขับสั้นๆ ในสนามทดสอบมาแล้ว สำหรับการทดสอบครั้งนี้โตโยต้าเลือกเส้นทางขับวนรอบกรุงเทพฯ ฝ่าการจราจรที่เป็นจราจลในช่วงบ่ายจนถึงเย็นกินเวลารวมกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อพิสูจน์สมรรถนะด้านอัตราสิ้นเปลืองและความสบายของเบาะให้เห็นกันอย่าง เต็มที่
การเดินทางเริ่มต้นจากโรงแรมดุสิตธานีตรงหัวมุมถนนสีลม โดยคัมรี่คันที่ขับเป็นตัวท๊อปสุด ที่มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ แต่ก่อนออกเดินทางมีการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงจนเต็มถึงคอถังรถคัมรี่ทั้งหมด 12 คัน ..ความรู้สึกแรกหลังเข้านั่งประจำการในตำแหน่งพลขับ คือ เย็นสบาย แม้ว่ารถจะถูกจอดตากแดดมาตั้งแต่เช้าและเพิ่งจะติดเครื่องตอนที่มาถึงรถ
เนื่องจากเบาะนั่งมีระบบปรับอากาศเป่าไอเย็นจากใต้เบาะติดตั้งมาด้วย ทำให้เบาะนั่งหนังไม่ร้อนแม้จะโดนแดดเผามาแล้ว ถือว่าเป็นออพชันเล็กๆ ที่สร้างความแตกต่างและเพิ่มความสบายให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้จะมีทั้งฝั่งคนขับและคนนั่งโดยสารด้านหน้า
เมื่อเข้าประจำการก็จัดแจงปรับตำแหน่งที่นั่งให้พอเหมาะ สังเกตและทดลองใช้งานปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมกับเชื่อมต่อระบบบลูทูธของโทรศัพท์เข้าตัวรถคัมรี่ ซึ่งถือว่า ง่ายดายและใช้เวลาราว 1-2 นาทีก็เชื่อมต่อสำเร็จ
เหยียบคันเร่งแรงบิดสูงสุดระดับ 270 นิวตัน ของมอเตอร์ไฟฟ้า ถูกนำมาใช้งานขณะออกตัวพาเจ้าคัมรี่ ไฮบริด เคลื่อนที่จากช่องจอดสู่ถนนพระราม 4 จอดติดไฟแดงแรกไม่กี่อึดใจเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นมา เมื่อสังเกตุดูพลังงานที่อยู่ในแบตเตอรี่เหลือเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเครื่องยนต์จึงต้องติดเพื่อคงความเย็นภายในรถและรักษาระดับพลังงานใน แบตเตอรี่ให้อยู่เกณฑ์ที่เหมาะสม
การขับขี่ช่วงแรกใช้ถนนพระราม4 เข้าสู่ถนนเยาวราชเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ สภาพการจราจรเรียกว่าสาหัสมาก รถเต็มทุกช่องทาง ค่อยๆ เคลื่อนที่ตามกันไป หลายจังหวะได้เหยียบคันเร่งเพื่อทดลองดูว่าความเร็วเท่าไหร่เครื่องยนต์จึง จะติด...พบว่าไม่มีความแน่นอนขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่กดและความต้องการจากการ ประมวลผลของคอมพิวเตอร์ โดยอยู่ระหว่างความเร็ว 10-40 กม./ชม.(ทุกครั้งที่ออกตัวคัมรี่ ไฮบริดจะใช้แต่มอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น)
บางช่วงเพื่อเร่งให้รถหลุดทันสัญญาณไฟเขียวก็กดคันเร่งคิกดาวน์ตามปกติ การตอบสนองของพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ผสานมาจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำได้อย่างทันใจ ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ ECVT ทำงานราบรื่นไร้รอยต่อ
ขับผ่านถนนเยาวราช เข้ามาวนแถวๆ พาหุรัด แล้วมาแวะพักที่ “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ” ตรงปากคลองตลาด เมื่อพักจนหายเหนื่อยจึงติดเครื่องยนต์อีกครั้งหรือเรียกอีกอย่างว่า ทำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมเดินทาง (เพราะจริงๆ เครื่องยนต์ยังไม่ติด แต่กดคันเร่งรถก็เคลื่อนที่ไปได้)
คราวนี้เลือกใช้ถนนราชดำเนินกลาง ผ่านสนามหลวง มุ่งหน้าย้อนกลับเพื่อไปข้ามสะพานพระราม 8 ในช่วงเวลา บ่าย 3 โมงตรง ซึ่งต้องบอกว่า รถติดสุดยอด เนื่องจากเป็นเวลาโรงเรียนกำลังเลิก ธนาคารกำลังจะปิดทำการ ดังนั้นรถราบนถนนจึงมากเป็นพิเศษ ซึ่งกว่าจะผ่านไปขึ้นสะพานพระราม 8 ได้กินเวลาร่วม 1 ชั่วโมงกับระยะทางไม่ถึง 10 กม.
เมื่อ ขึ้นสะพานพระราม 8 คราวนี้มีโอกาสกดคันเร่งแบบเต็มๆ เรียกให้คัมรี่ ไฮบริดพุ่งทะยานไปถึงความเร็วระดับ 100 กม./ชม. แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆเข้ามาสู่โหมดรถเต็มทุกช่องทางช่วงลงจากสะพาน เลี้ยวเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์
ช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ มีโอกาสทำความเร็วคงที่ระดับ 50-60 กม./ชม. โดยเครื่องยนต์ทำงานตลอดเวลา และเป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ เวลาที่เครื่องยนต์ติดจะได้ยินและรู้สึกถึงแรงสะเทือนเมื่อเครื่องยนต์เริ่ม ทำงาน แต่ถ้ารถวิ่งออกตัวไปแล้วแรงสะเทือนจะลดลงไปเหมือนรถเบนซินปกติ
หลังจากนั้นขับยาวมาจนข้ามสะพานพระราม 7 เข้าสู่ถนนรัชดาภิเษกผ่านรัชโยธิน แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ท่ามกลางการจราจรหนาแน่นทุกช่องทาง การขับขี่ยังคงสบายๆ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานสอดประสานอย่างลงตัว จนแล้วจนรอดก็มาถึงจุดพักที่2 ณ คริสตัล พาร์ค
ดื่มน้ำพักผ่อนกันเล็กน้อยเริ่มเดินทางต่อในเวลา 5 โมงเศษๆ นับเวลาเฉพาะที่อยู่บนเบาะคัมรี่ ไฮบริด นานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีความรู้สึกเมื่อยหรือล้าแต่อย่างใด หลังออกรถเข้าสู่ถนนช่วงนี้มีโอกาสทำความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. เพียงครั้งเดียว ก่อนต้องชะลอและขับด้วยความเร็วราว 50-70 กม./ชม. ตลอดถนนจนถึงถนนเอกมัย เลี้ยวเข้าสุขุมวิท สภาพการจราจรติดหนึบ ก่อนจะมาสิ้นสุดการเดินทางที่ปั๊มเอสโซ่สุดซอยสุขุมวิท 24 พร้อมกับการเติมน้ำมันเพื่อวัดอัตราความสิ้นเปลือง
ผลตัวเลขคันที่ขับวิ่งไปรวมระยะทาง 55.2 กม. เติมน้ำมันไป 2.207 ลิตร คิดเป็นอัตราสิ้นเปลืองเท่ากับ 25.01 กม./ลิตร ขณะที่มีคนขับรถคัมรี่รุ่น 2.4G เบนซินปกติ ควบคู่ไปในเส้นทางเดียวกัน ผลอัตราสิ้นเปลืองเท่ากับ 7.34 กม./ลิตร เรียกว่า แตกต่างกันหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม
การขับในวันดังกล่าวคัมรี่ ไฮบริดคันที่ทำสถิติดีที่สุดคือ 26.68 กม./ลิตร และแย่ที่สุดคือ 10.97 กม./ลิตร ส่วนค่าเฉลี่ยทุกคันรวมกันอยู่ราว 17.5 กม./ลิตร โดยรวมการขับขี่คัมรี่ ไฮบริดให้ความรู้สึกที่มั่นคงขึ้นจากน้ำหนักตัวที่มากกว่าเดิมราว 100 กม. และการเซ็ตช่วงล่างใหม่เพื่อให้รับกับแบตเตอรี่ที่อยู่ด้านท้ายรถ
...ถึง บรรทัดนี้ คงไม่ต้องสรุปอะไรกันมากมาย เส้นทางแบบใช้งานจริงกับผลตัวเลขที่สื่อมวลชนขับกันทุกคันมีสถิติการประหยัด น้ำมันดีกว่ารุ่นเบนซินปกติชัดเจน หากคุณเป็นคนที่ต้องใช้งานรถแบบขับในเมืองมากกว่า “คัมรี่ ไฮบริด” คือทางเลือกที่ใช่อย่างไม่ต้องสงสัย
ขอบคุณที่มา: http://www.manager.co.th