Threaded Mode | Linear Mode

**Nobita**

กลับมาเจอกันอีกแล้วครับกับรีวิวทริปสบายๆ ของเรา คราวนี้เราไปกันที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

ขอออกตัวก่อนว่าทริปนี้ภาพประกอบอาจจะน้อยหน่อยเพราะไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปไป และบางสถานที่ก็ได้แต่มองไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก เพราะไม่สะดวกถ่ายภาพเนื่องจากทริปนี้มีสมาชิกใหม่ตัวเล็ก 8 เดือนไปด้วย แต่ก็คงพอให้เพื่อนๆ ได้ไอเดียการวางแผนเที่ยวที่สวนผึ้งได้บ้างนะครับ ฮ่าๆๆ

ภาพทั้งหมดก็มาจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งก็ชัดบ้าง มืดบ้างครับ ตามประสาของเขา แฮ่ๆๆ

เอาล่ะ เรามาเริ่มทริปกันเลย!!

นี่เป็นครั้งแรกของการไปเที่ยวและค้างคืนที่จังหวัดราชบุรี ทริปนี้เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากวันหยุดสงกรานต์ที่เลื่อนมาจากเดือนเมษายนอันเนื่องมาจากพิษ COVID-19 จนเลื่อนมาหยุดกันในเดือนกันยายนนี้

ห้องพักสำหรับ 2 คืนได้จองไว้เรียบร้อยแล้วอย่างกระทันหันก่อนวันเที่ยว 2-3 วันเอง ซึ่งเกือบเป็นเรื่องปกติของผม ฮ่าๆๆ

ขาไปเราออกเดินทางจากระยองโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 เลี้ยวเข้าตามถนนพระราม 2 ไปจนตัดกับถนนเพชรเกษมขึ้นไปยังตัวเมืองราชบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายไปอำเภอสวนผึ้ง พูดถึงเส้นทางการเดินทางที่สวนผึ้งผมว่าดีมากเลย ผิวถนนสภาพดี ขับรถชิลๆ ชมทิวทัศน์สองข้างทางไม่เร่งรีบ จุดหมายแรกที่เราปักหมุดแวะกันคือ “บ้านหอมเทียน”

“บ้านหอมเทียน”

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนตีนเขา การเดินชมและซื้อของที่นี่จะเป็นการเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับร้านค้า 2 ข้างที่ประดับตกแต่งเป็นสไตล์ของเก่าสะสมหายาก มีมุมถ่ายรูปมากมาย ที่ไฮไลท์สุดๆ ก็น่าจะเป็นจุดชมวิวที่เป็นสะพานไม้ไผ่ยื่นออกไปจากตัวพื้นดิน มีร้านกาแฟชิลๆ นั่งมองวิวเทือกเขาตะนาวศรีที่อยู่ด้านหน้า เหมาะมากกับการนั่งชิลกับเพื่อนร่วมแก๊งค์

ทางเดินขึ้นเขาชมร้านค้า 2 ข้างทาง

**Nobita**

ไฮไลท์ของที่นี่ สะพานชมวิว ที่ยื่นทอดยาวออกไปให้มองบรรยากาศภูเขาไกลสุดลูกตา ชิลๆ

หลังจากเดินเที่ยว ซื้อของฝาก ฝนก็เริ่มตั้งเค้ามาแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ เพราะมาไกล เด็กๆ เริ่มล้ากันแล้วด้วย คืนแรกนี้เราพักกันที่ “ปั้นหยา ชาเล่ต์ สวนผึ้ง”

**Nobita**

ปั้นหยา ชาเล่ต์ สวนผึ้ง

ที่นี่ห้องพักเป็นสไตล์บ้านไม้และทำความสะอาดได้สะอาดดีมาก อยู่ติดกับแม่น้ำภาชีที่ไหลผ่าน มีศาลานั่งเล่นมองน้ำไหล หรือจะลงแช่และเล่นน้ำก็ทำได้เพราะพื้นด้านล่างเป็นดินแข็งและหินก้อนที่มีรูปร่างมน ไม่บาดเท้า จุดนี้ก็ถูกใจลูกชายคนโตเลยที่ได้แช่น้ำไหลเบาๆ

เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักมาเลย เนื่องจากพอขนของเข้าเราก็ทำการกระจายของใช้ทันที ไม่ทันได้หยิบมือถือถ่ายรูปด้วยซ้ำ แหะๆๆ

**Nobita**

หลังจากทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทเรียบร้อย อันที่จริงยังไม่เรียบร้อยดี ลูกชายจอมซนก็ขอจะเล่นน้ำต่อ ไม่อยากไปต่อ อยากอยู่เล่นน้ำ ก็เลยต้องพาไปลงน้ำอีกรอบให้สบายใจวัยรุ่น ก่อนจะเก็บข้าวของเช็คเอาท์เดินทางเที่ยวต่อ โดยเป้าหมายต่อไปของเราคือ “ตลาดโอ๊ะป่อย”

ตลาดโอ๊ะป่อย

โอ๊ะป่อย มาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “พักผ่อน”

โอ๊ะป่อย เป็นตลาดเช้าอยู่ติดริมลำธารภาชี เปิดตั้งแต่ 7.00-14.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไฮไลท์ที่ไม่อยากให้พลาดคือ เวลา 7.30-8.00 น. ใส่บาตรพระสงฆ์ที่ล่องแพไม้ไผ่มาตามลำน้ำภาชี ซึ่งเป็นภาพประเพณีวัฒนธรรมที่สวยงาม และเป็นศิริมงคลแก่ผู้มาเยือน

อีกสิ่งที่ประทับใจสำหรับผมที่นี่ก็คือ มีมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่บริการโดยน้องๆ ในชุมชนให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวฟรี ในกรณีที่เราจอดรถไกลจากตลาดเนื่องมาจากปริมาณรถนักท่องเที่ยวที่ไปพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมาก

**Nobita**

ใครสนใจนั่งแพชมวิวแม่น้ำภาชี ก็มีบริการนะ

มาที่นี่ไม่ต้องกลัวหิว เพราะของกินหนักและของกินเบามีบริการครบครันสุดๆ ตั้งแต่กาแฟ น้ำหวาน ขนม ของหวาน ข้าว จนกระทั่งส้มตำ เรียกว่ามีทุกแนว

หลังจากเดินชม กินและซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายต่อไป “เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม”

**Nobita**

เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม

สถานที่แวะถ่ายรูป เลี้ยงแกะ ดูการแสดงความสามารถของแกะ และไฮไลท์ที่ต้องลองของที่นี่เลยก็คือ ไอศกรีมนมแกะ รสชาดหอม หวาน มัน อร่อย

ให้อาหารแกะ

นี่ก็เที่ยงนิดๆ แล้ว ได้เวลาเดินทางต่อไปยังที่พักคืนที่สองที่เราจองไว้ที่ “รัก ณ สวนผึ้งรีสอร์ท” และเพื่อมองหาร้านอาหารเที่ยงทานกัน โดยไม่มีแผนว่าจะทานที่ร้านไหน ขับรถไปเรื่อยๆ มองหาร้านไปเรื่อยๆ ว่าร้านไหนน่าสนใจก็แวะ ปราศจากการชี้นำจากโซเชียลใดๆ ฮ่าๆๆ

**Nobita**

ขับรถชิลๆ ชมวิวเพลินๆ ก็สะดุดตาที่ “โรยัล กู๊ดวิว รีสอร์ท แอนด์ ฟาร์ม” เห็นมีรถจอดเยอะ มีร้านอาหารและร้านกาแฟด้วย ซึ่งก็อยู่ใกล้เรียกว่าเกือบตรงข้ามกับ “รัก ณ สวนผึ้งรีสอร์ท” ที่เราจองห้องพักไว้ เราจึงตัดสินใจไปเช็คอินห้องพักให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยก็ออกมาทานอาหารและจิบกาแฟกันที่ โรยัล กู๊ดวิว รีสอร์ท แอนด์ ฟาร์ม

โรยัล กู๊ดวิว รีสอร์ท แอนด์ ฟาร์ม

รีสอร์ทที่ตกแต่งสไตล์เมดิเตอเรเนี่ยน ผสมผสานมนต์เสน่ห์คล้ายนิวซีแลนด์ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และห้องพักครบถ้วน มีฟาร์มแกะกว้างมาก สามารถเข้าไปให้อาหารแกะได้แบบใกล้ชิดติดตัวกันเลย

ฟาร์มแกะที่นี่กว้างใหญ่ และบรรยากาศสวยงามมาก

**Nobita**

เลี้ยงแกะอีกแล้ว ทริปนี้เราเป็นเด็กเลี้ยงแกะจริงๆ :)

ร้านอาหาร สเต๊กเฮ้าส์

เมื่อท้องอิ่ม เดินเล่นถ่ายรูปกันพอแล้วก็กลับมาที่พัก รัก ณ สวนผึ้งรีสอร์ท เพื่อเอนหลังพักแอร์เย็นๆ ก่อนจะออกไปเดินเล่นในสนามหญ้าของรีสอร์ท

**Nobita**

รัก ณ สวนผึ้งรีสอร์ท

ที่ รัก ณ สวนผึ้งรีสอร์ท นี้ลูกคนโตชอบมาก เพราะสระว่ายน้ำที่นี่มีเครื่องเล่นอยู่ในสระน้ำด้วย เป็นสไลเดอร์ขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เหมาะมากสำหรับเด็กๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่พ้นที่จะขอลงเล่นตั้งแต่มาถึงได้สักพักเรียกว่าแทบจะขอเล่นน้ำก่อนค่อยเก็บของเข้าห้องเลยทีเดียว

เย็นนี้สวนผึ้งฝนตกโปรยปรายลงมาพักใหญ่ ซึ่งก็ได้บรรยากาศอีกแบบ มองดูฝนตกแล้วสบายตา สบายใจ มืดแล้วก็เข้านอนนน

**Nobita**

ตื่นเช้าตรู่ ออกไปเดินชมบรรยากาศหลังฝนตก มีหมอกเย้าหยอกโอบอ้อมภูเขา ลอยไปมา น้ำฝนเปียกต้นไม้ ดอกไม้ชุ่มฉ่ำ เป็นบรรยากาศที่สดชื่นดีจริงๆ จากนั้นจึงไปทานอาหารเช้ากัน และก็เหมือนเดิม ลูกชายขอเล่นน้ำอีกรอบก่อนค่อยไปเที่ยวที่ต่อไปนะ ฮ่าๆๆ

หลังจากพาเล่นน้ำจุใจ แต่ในใจคงยังไม่พอสำหรับเค้า ก็ได้เวลาเช็คเอาท์ เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปที่อยู่ใกล้ๆ กัน นั่นก็คือ “อัลปาก้า ฮิลล์”

**Nobita**

อัลปาก้า ฮิลล์

ฟาร์มเพาะพันธุ์อัลปาก้าแห่งแรกของไทย มีอัลปาก้าหล่อๆ รอถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของสัตว์หายากอื่นๆ ให้ชมอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น วอลลาบี้ (จิงโจ้จิ๋ว) กระต่ายยักษ์ กระต่ายขนปุกปุย เต่ายักษ์ เฟอเรท แพรี่ด็อก มาม็อตและนกฮูกหิมะ เป็นต้น

**Nobita**

ส่วนเลี้ยงนกกระจอกเทศ

หลังจากเดินชมกันทั่วจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลาอำลาสวนผึ้งเดินทางกลับระยองแล้ว ขากลับเราใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมขึ้นไปทางจังหวัดนครปฐม โดยแวะที่จุดหมายอีกที่หนึ่ง นั่นคือ “พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน”

พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน

หนังใหญ่วัดขนอน สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันมีตัวหนังทั้งหมด 313 ตัว นับเป็นสมบัติของวัดที่ได้ร่วมรักษาสืบทอดกันมา เป็นเพียงวัดเดียวที่มีมหรสพเป็นของวัด มีตัวหนัง และคณะหนังใหญ่ที่สมบูรณ์ อยู่ในความอุปถัมภ์ของวัดสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

**Nobita**

ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ วัดขนอนได้ผาติกรรมหอสวดมนต์เก่า ซึ่งเป็นเรือนไม้ทรงไทยมาสร้างริมแม่น้ำแม่กลอง

**Nobita**

วัดขนอน จังหวัดราชบุรี

เดินชมความเป็นไทยและเข้าไปไหว้พระในพระอุโบสถเรียบร้อยแล้วก็เป็นอันจบทริปราชบุรี 3 วัน 2 คืน โดยสมบูรณ์ ได้ทั้งเที่ยวชมธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และทำบุญ ถูกใจเด็กและผู้ใหญ่กันสำหรับทริปนี้

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ